ความคิดกับการลงมือทำ

        ทำไมตอนที่เราเด็กๆเราถึงได้มีความฝันมากมาย แต่พอเราเริ่มที่จะโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ความฝันหลายๆอย่างของเราก็เริ่มหายไปทีละอย่างสองอย่าง นั้นก็เป็นเพราะว่ายิ่งเราโตขึ้นเราก็เริ่มรู้ความจริงแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่สามารถเป็นไปได้ง่ายๆอะไรคือสิ่งที่สามารถเป็นไปได้ยาก แล้วเราก็จะเริ่มคิดว่าความคิดที่เรานั้นเคยมีนั้นมันช่างเป็นไปได้ยากเสียเหลือเกิน    autorich

        เวลาที่เราคิดอะไรก็แล้วแต่ในความคิดของเรานั้นมันช่างเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ก็เพราะว่ามันอยู่ในโลกความฝันของเรานั้นเอง สิ่งที่เราจะไม่เจอในโลกของความฝันของเรานั้นก็คือ ปัญหาหรือว่าอุปสรรคนั้นเอง แต่ว่าหากเป็นคนที่ลงมือทำเองจริงๆจะรู้ว่าทุกอย่างที่เราคิดนั้นน้อยมากที่จะเป็นอย่างที่เราคิดเอาไว้หมดทั้ง 100% มันจะต้องเจอสิ่งกีดขว้างต่างๆเสมอ ดังนั้นคนที่ประสบกับความสำเร็จในชีวิตจริงๆแล้วละก็เขาจะรู้ความลับข้อนี้นั้นก็คือ พวกเขานั้นจะรีบลงมือทำให้เร็วที่สุดเพื่อว่าพวกเขาจะได้เจอกับปัญหาอย่างรวดเร็วที่สุดและลงมือแก้มัน ไปเรื่อยๆจนถึงปลายทางนั้นก็คือความสำเร็จนั้นเอง  autorich

        การศึกษาหาความรู้ทั้งจากการอ่านชีวิตของคนที่ประสบกับความสำเร็จหรือว่าอ่านวิธีการในการลงมือทำสิ่งต่างๆอย่างมากมาย นั้นมันก็เป็นสิ่งที่ดีอยู่บ้างส่วนหนึ่งแต่ว่าไม่ดีทั้งหมด ต่อให้คุณนั้นรู้มากแค่ไหนแต่ว่าไม่ลงมือทำคุณก็ไม่อาจที่จะไปถึงความสำเร็จที่คุณนั้นต้องการได้เพราะว่าเวลาที่คุณลงมือทำจริงๆแล้วมันจะไม่เหมือนกับสิ่งที่คุณนั้นได้อ่านมา การจะแก้ปัญหาหรือว่าเอาชนะปัญหานั้นได้นั้นก็คือ การลงมือทำเท่านั้นเอง ในชีวิตนี้ไม่มีช่วงเวลาไหนที่ดีและพร้อมเท่ากับตอนนี้อีกแล้ว เพราะถ้าคุณมีความคิดว่าจะรอให้พร้อมมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยลงมือทำแล้วละก็คุณก็จะไม่มีวันที่ได้พบกับวันที่พร้อมเต็มร้อยเลยแม้แต่ครั้งเดียว  แต่ความลับของคนรวยทั้งหลายนั้นก็คือเขาจะเริ่มตอนที่เขายังไม่พร้อมนี้แหละ  ลงมือทำมันไปเลย เจอปัญหาอะไรก็ค่อยแก้ไขไปเรื่อยๆมันจะทำให้เรานั้นค่อยๆเก่ง ไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั้นเอง ดังนั้นสรุปก็คือการที่คุณนั้นคิดจะทำอะไรก็แล้วแต่ไม่ต้องรอให้พร้อมเพราะว่าการที่จะรอให้มันพร้อมจริงนั้นไม่มีวันมาถึง วันที่ดีที่สุดที่คุณจะลงมือทำอะไรก็แล้วแต่นั้นก็คือตอนนี้เวลานี้เท่านั้นเอง ดังนั้นคุณรีบลงมือทำมันซะก่อนที่จะกลายเป็นแค่ความคิดที่สวยหรูแต่ว่าไม่มีวันที่จะกลายเป็นจริงได้  autorich

#S7Content

การคิดเลขเร็วแบบเวทคณิต

        วันนี้ผมได้มีโอกาสเป็นตัวแทนโรงเรียนไปร่วมเข้ารับการอบรมเรื่องของการคิดเลขเร็วแบบอินเดีย ซึ่งเป็นการกำหนดให้ทุกๆโรงเรียนสงตัวแทนโรงเรียนละหนึ่งคนเข้าร่วม โดยผู้ที่เข้าร่วมการอบรมในวันนี้นั้นมีประมาณ หนึ่งร้อยแปดสิบคน โดยวิทยากรที่มาถ่ายทอดความรู้ในวันนี้ก็เป็นคุณครูแกนนำที่ไปอบรมมาแล้วก็นำมาขยายผลต่อนั้นเอง โดยการอบรมในรอบนี้นั้นจัดขึ้นด้วยกันสองวัน ซึ่งตรงกับวันเสาร์และวันอาทิตย์  giving forward

        ประเด็นที่หนึ่งทำไหมต้องอบรมวันเสาร์และวันอาทิตย์ เพราะว่ามีการสำรวจคุณครูทั้งหลายว่าเรื่องอะไรเอ๋ยที่ทำให้คุณครูนั้นออกจากห้องเรียนมากที่สุด คำตอบอันดับหนึ่งเลยก็คือการจัดอบรมของเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งก็มีการรับปากว่าจะมีการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งครูต่างก็คาดการณ์กันว่าการแก้ไขปัญหานั้น คือการลดการอบรมให้น้อยลงเพื่อที่ว่าจะได้ให้คุณครูอยู่ในห้องเรียนมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็คือ การแก้ปัญหาของผู้มีอำนาจ เพื่อที่จะให้ครูอยู่ในห้องเรียนมากยิ่งขึ้นนั้นก็คือ การให้ครูมาเข้ารับการอบรมในวันเสาร์และก็วันอาทิตย์แทน  giving forward

        ประเด็นที่สองนั้นก็คือการอบรมการคิดเลขเร็วแบบอินเดีย เกิดจากการที่นายก ได้มาเปิดงานเกี่ยวกับการศึกษางานหนึ่งและได้มีคำพูดๆหนึ่งบอกว่า เด็กอินเดียนั้นคิดเลขเร็วมาก ตัวเลขเยอะๆใช้เวลาในการคิดแค่แป๊บเดียว หลังจากนั้นหน่วยงานที่รับผิดชอบก็เริ่มจัดการอบรมการคิดเลขเร็วแบบอินเดียเลยเริ่มจากระดับประเทศและก็ขยายผลลงมาเรื่อยๆจนมาถึงระดับตัวแทนของโรงเรียนในที่สุด หากจะกล่าวถึงเรื่องเกี่ยวกับการคิดเลขเร็วของโรงเรียนนั้นก็คือ การคิดเลขเร็วนั้นมีการสอนอยู่ในทุกโรงเรียนอยู่แล้ว และก็มีการจัดการแข่งขันกันทุกปี แต่ว่าปีนี้ผู้รับผิดชอบบอกว่าจะมีการจัดการแข่งขันแบบอินเดียแทนแบบเดิม

        มาถึงเนื้อหาที่ได้จากการอบรมกันบ้าง การคิดเลขเร็วแบบอินเดียวก็จะมีสี่เรื่อง คือการบวก การลบ การคูณ และก็การหาร เหมือนกับการคิดเลขเร็วแบบปรกติ แต่ว่าการคิดเลขเร็วแบบอินเดียนั้น ในหนึ่งวิธีการ อย่างเช่นการบวก ก็จะมีวิธีการย่อยให้เลือกใช้อีกสี่แบบด้วยกัน ซึ่งจากการลองทำดูก็พบว่าช่วยลดเวลาในการคิดเลขเร็วได้มากพอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเด็กก็ยังต้องมีความรู้พื้นฐานในเรื่องของการบวกตัวเลข ทบสิบ ทบเก้า เป็นอย่างดีอยู่ด้วย สรุปคือผมว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ได้รับการอบรมในเรื่องนี้ แต่ว่าจะสามารถนำสู่การปฏิบัติได้มากน้อยเพียงใดก็ต้องรอดูกันต่อไปเพราะว่า ช่วงนี้คุณครูงานเยอะเหลือเกิน

#S7Content

ทุกวิธีการย่อมมีวิธีการที่ดีกว่า

        หากว่าเราต้องการที่จะประสบกับความสำเร็จในชีวิตแล้วละก็เราจะต้องมีวินัยในการลงมือทำ นั้นก็คือไม่ว่าเราจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ร่างกายจะเหนื่อยล่ามากสักเพียงไหนเราก็ต้องลงมือทำอย่างต่อเนื่องและสิ่งที่จะทำให้เรามีวินัยในการลงมือทำอย่างต่อเนื่องนั้นก็คือการวางแผนว่าพอถึงเวลานี้แล้วนั้นสิ่งที่เราจะต้องลงมือทำนั้นมันคืออะไร  pageqq

        และเมื่อเราฝึกฝนจนเรามีวินัยในการลงมือทำแล้วขั้นต่อไปนั้นก็คือการค้นหาวิธีการที่จะทำให้เรานั้นสามารถที่จะทำงานต่างๆนั้นให้ได้ดีขึ้นโดยใช้แรงและก็เวลาเท่าเดิมหรือว่าน้อยกว่าเดิม การประสบกับความสำเร็จในชีวิตนั้นมันก็เหมือนกับการออกเดินทางเราไม่สามารถมองเห็นจุดหมายปลายทางที่แน่ชัดได้เราเพียงแค่รู้ว่ามันอยู่ทิศทางไหนเท่านั้นเอง การที่เราเริ่มต้นลงมือทำนั้นมันก็เหมือนกับการที่เราได้เริ่มต้นเดินทางในเส้นทางที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จแล้ว และเมื่อเราออกเดินทางเราไม่รู้หรอกว่าเส้นทางข้างหน้านั้นมันจะเป็นยังไงเพราะว่าถนนที่เราจะไปนั้นมันมีทางโค้งนั้นกั้นอยู่ การที่เราจะรู้ได้ว่าเส้นทางข้างหน้านั้นจะเป็นยังไงเราจะต้องเดินทางไปจนกว่าเรานั้นผ่านโค้งนั้นๆไปนั้นเอง และเราก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้ด้วยว่าเส้นทางที่เรานั้นกำลังเดินทางไปนั้นมันยาวไกลสักเพียงไหนเพียงแค่ตัวเลือกของเราที่มีนั้นมันไม่ได้มากนัก วิธีการเดียวที่เราจะไปถึงมันได้นั้นก็คือการลงมือทำเพียงอย่างเดียวนั้นเอง  วิธีลัดอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้เรานั้นสามารถลดเวลาในการเดินทางไปสู่ความสำเร็จได้นั้นก็คือการที่เราศึกษาจากคนที่เขานั้นประสบกับความสำเร็จในด้านที่เรากำลังให้ความสนใจอยู่นี้ด้วย โดยทุกสิ่งที่คนอื่นว่าดีนั้นเราไม่สามารถที่จะเชื่อได้ทั้งหมดเพราะว่าบางอย่างที่คนหนึ่งนำไปทำแล้วประสบกับความสำเร็จก็ไม่ได้รับประกันว่าเมื่ออีกคนหนึ่งนั้นเอามาทำตามแล้วจะประสบกับความสำเร็จเหมือนกับเขาด้วย เพราะว่าแต่ละคนมีพื้นฐานที่ไม่เหมือนกันดังนั้นการที่เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆหรือว่าได้รับความรู้ใหม่ๆมาจากคนที่เขาประสบกับความสำเร็จนั้นเราก็จะต้องมาแยกวิเคราะห์อีกครั้งหนึ่งว่าเรื่องนั้นๆมันสามารถปรับเข้ามาใช้กับชีวิตของเราได้หรือไม่ถ้ามีโอกาสที่จะนำมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้แล้วละก็เราก็ลองเอามาปรับใช้ดูโดยเราอาจจะยังไม่ตั้งความหวังอะไรเอาไว้มากก็ได้ หากลองให้แล้วมันไม่ได้ทำให้ชีวิตของเรานั้นดีขึ้นเราก็สามารถที่จะยกเลิกวิธีการนั้นๆได้  pageqq

#S7Content

ทำไมเด็กรุ่นใหม่ก้าวร้าว

        เด็กรุ่นใหม่จากการสังเกตจากข่าวหรือว่าสังคมรอบตัวพบว่าจะมีความก้าวร้าวมากขึ้น เสี่ยงต่อการทำสิ่งที่ไม่ดี เด็กสมัยก่อนถึงดื้อก็จะยังเชื่อฟังผู้ใหญ่อยู่แต่ว่าเด็กในทุกๆวันนี้นั้นมองผู้ใหญ่ว่าเป็นคนที่ล้าสมัย น่าเบื่อเพราะว่าพวกเขานั้นไม่จำเป็นที่จะต้องอาศัยข้อมูลจากผู้ใหญ่อีกต่อไปแล้ว เพราะว่าพวกเขาสามารถที่จะค้นหาข้อมูลได้เองจากอินเตอร์เน็ตแทน ผู้ใหญ่ไม่ได้คุยในเรื่องที่พวกเขาสนใจ  สบู่โฮยอน

        เด็กยุคใหม่นั้นไม่ค่อยที่จะดูทีวีหรือว่าฟังวิทยุที่พวกเขานั้นคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันคือสิ่งเก่าที่ล้าหลัง พวกเขาสามารถเปิดดูความบันเทิงตามความต้องการของพวกเขาได้ทุกที่ทุกเวลาจากอินเตอร์เน็ต แต่สิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงนั้นก็คือเมื่ออินเตอร์เน็ตเป็นสื่อเสรีที่คนเราจะสามารถใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดในชีวิตของเราก็ได้หรือว่าจะเอาชีวิตของตัวเองดำดิ่งลงไปในพื้นที่อโคจร ที่สูบเวลาของเราไปนานๆก็ได้เหมือนกันมันอยู่ที่เราจะเลือกว่าเราจะเลือกแบบไหนดี และมันจะมีสื่ออีกแบบหนึ่งที่อยู่กึ่งกลาง โดยเขาต้องการที่จะดึงดูความสนใจของเด็กๆเพราะว่าทุกการรับชมนั้นมันก็คือรายได้ที่ผู้ผลิตเนื้อหานั้นๆจะได้รับนั้นเอง เนื้อหาสมัยใหม่จึงเลือกที่จะใช้คำพูดแรงๆที่กระตุ้นความรู้สึกได้ง่าย และเด็กก็จะชอบและนำคำเหล่านั้นไปใช้ตาม จนทุกวันนี้การด่ากันว่าไอ้เฮี้ยกลายเป็นเรื่องที่ธรรมดาไปเสียแล้ว และเมื่อมีคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าเนื้อหาเหล่านี้มันไม่เหมาะสมนะก็จะโดนสวนกลับในทันทีว่าเป็นคนสมัยเก่าที่ไม่ยอมรับความคิดเห็นใหม่ๆ โดยพวกเขาเชื่อว่าคนเรามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองอยากจะทำ  สบู่โฮยอน

        ตามความคิดของผู้เขียนเห็นว่าบางครั้งเด็กก็ต้องการๆบังคับให้เลือกเสพแต่เนื้อหาที่ดีๆเท่านั้นบ้างเพราะว่าเด็กบางคนโดยเฉพาะในเขตชนบทที่ผู้เขียนอาศัยอยู่นี้ นอกรั่วโรงเรียนก็เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่ดีมากมายซึ่งเกิดจากรุ่นพี่ที่ไม่เรียนหนังสือนำความคิดที่ไม่สร้างสรรค์มากระจ่ายให้กับเด็กๆในพื้นที่นั้นเอง หากเราเปิดเสรีให้พวกเด็กๆนั้นสามารถที่จะเลือกเนื้อหาที่พวกเขาจะรับได้เองทั้งหมด ผมเชื่อโดยสนิทใจว่าส่วนมาก็จะเล่นเกมส์ ดูสิ่งลามก หรือว่าเพลงหยาบคายที่มีเนื้อหารุนแรง เพราะพวกเขาไม่มีความสามารถในการแยกแยะว่าอะไรคือสิ่งที่จะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้ในอนาคต แต่หากพวกเขารับเอาเนื้อหาที่กล่าวมาข้างต้นซึ่งมันเป็นเนื้อหาที่เสพได้ง่าย พวกเขาก็จะสามารถเอาไปคุยกับเพื่อนๆได้ และได้รับการยอมรับ นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นการที่เด็กคนหนึ่งกลายเป็นเด็กทีเกเรนั้นมันมักมีกระบวนการในการล่อหลอมพวกเขาไม่ได้เกิดขึ้นจากเขาเพียงแค่คนเดียว

#S7content

อีกสิบปีข้างหน้าคุณคิดว่าโลกของเราจะเป็นยังไง

        ถ้าคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมก็คงจะมองเห็นภาพได้ชัดว่าโลกของเราเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด แต่ถ้าหากไปถามเด็กรุ่นใหม่ๆว่าหากวันหนึ่งไม่มีไฟฟ้าใช้หรือว่าไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ พวกเขาจะใช้ชีวิตกันอยู่ได้อย่างไร ผมเชื่อว่าเด็กๆหลายคนไม่สามารถที่จะตอบปัญหานี้ได้เพราะว่าพวกเขาเกิดและเติบโตมากับโลกที่มีพร้อมทั้งไฟฟ้าและก็อินเตอร์เน็ต และพวกเขาก็ย่อมคิดว่ามันจะต้องอยู่กับพวกเขาไปตลอด ก็เหมือนกันเราเคยมีอะไรบางสิ่งบางอย่างอย่างเช่นมีรถขับ ตอนที่รถของเรานั้นสามารถที่จะใช้งานได้เป็นปรกติเราก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันมากมายนัก แต่เมื่อวันหนึ่งหากเราจะต้องเสียมันไปแล้วละก็เราถึงจะรู้ว่ามันสำคัญสักแค่ไหน ซึ่งเรื่องเหล่านี้นั้นมันเป็นเรื่องปรกติที่เราทุกคนเป็นกันอยู่แล้ว

        สมัยก่อนผมเคยใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Dos หน้าจอเป็นสีดำสั่งงานด้วยคำสั่งยาวเยียด แต่แค่นั้นมันก็เพียงพอที่จะทำให้เราตื่นเต้นได้แล้ว หลังจากนั้นก็กลายเป็นจอสีที่ควบคุมด้วยเม้าท์ มีเกมส์ที่กราฟฟิกไม่สวยเอาเสียเลยเราก็ยังรู้สึกสนุกกับมัน และในทุกวันนี้ในเรื่องของเกมส์นั้นก็พัฒนาไปจนเหมือนกับคนจริงเข้าไปทุกทีแล้ว กระแสของการพัฒนาในด้านเทคโนโลยีนั้นก้าวไปอย่างรวดเร็ว เราสามารถเชื่อมต่อกับคนอื่นๆได้ทั่วโลกด้วยการใช้โทรศัพท์มือถือเพียงแค่เครื่องเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นมือถือของเราก็ยังสามารถกลายเป็นกล้องถ่ายรูปที่มีคุณภาพสูงมากอีกด้วย เครื่องร่อนต่างที่แต่ก่อนเคยมีราคาแพงแต่ทุกวันนี้นั้นราคาเริ่มที่จะถูกลงและเราสามารถจะจับต้องได้แล้ว รถยนต์นอกจากในเรื่องของการเปลี่ยนมานิยมรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว เทคโนโลยีเกี่ยวกับรถยนต์ที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในช่วงเวลานี้นั้นก็คือ เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งจะมาแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดจากความบกพร่องของมนุษย์ได้ เพราะจากการวิจัยพบว่าอุบัติเหตุส่วนมากที่เกิดบนท้องถนนนั้นล้วนมาจากความผิดพลาดของมนุษย์แทบทั้งสิ้น  เพราะว่าการทำงานของหุนยนต์นั้นจะมีความแม่นยำอย่างมาก ให้ทำงานเดิมซ้ำๆก็สามารถทำออกมาได้ในรูปแบบเดิมๆตลอดไป นอกจากนี้หุ่นยนต์ก็จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเพิ่มมากขึ้นล่าสุดผมพึ่งเห็นคลิปหุ่นยนต์ทำอาหารโดยใช้การจดจำลักษณะการเคลื่อนไหวร่างกายของมนุษย์นั้นก็คือในการทำอาหารแต่ละอย่างนั้นมนุษย์จะต้องแสดงวิธีการให้กับหุ่นยนต์นั้นได้ดูก่อน แล้วเขาจึงจะจดจำลักษณะการทำงานนั้นๆได้ และในแวดวงอุสาหกรรมนั้นก็มีการเริ่มที่จะนำเอาหุ่นยนต์มาใช้ในโรงงานกันมากขึ้นแล้ว

#s7content