มีคำวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับระบบการศึกษาของประเทศไทย
ว่าล่าหลังบ้างละ เรียนเยอะแต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กนั้นมีน้อย บ้างละ
หรือเนื้อหาสาระที่เอามาให้เด็กเรียนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นแล้วในปัจจุบัน
ซึ่งผมเองก็มีความคิดเห็นคล้อยตามในหลายๆประเด็น
สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นรากฐานของปัญหาการศึกษาไทยเลยนั้นก็คือ
การที่เรามีโรงเรียนมากเกินไป
ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลก็น่าจะรู้และพยายามแก้ไขปัญหาอยู่แต่อาจจะไม่ใช่เรื่องที่แก้ไขกันได้ง่ายๆ
สมัยก่อนการคมนาคมขนส่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก
เพราะถนนหาทางไม่ได้สะดวกสบายเหมือนอย่างกับทุกวันนี้
และเมื่อรัฐบาลในสมัยนั้นต้องการพัฒนาคนในชาติซึ่งทั่วโลกก็ถือกันว่า
เรื่องของการศึกษานั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
จึงมีการสร้างโรงเรียนให้กระจายตัวไปทั่วประเทศโดยเฉลี่ยแล้ว 3 หมู่บ้านที่อยู่ติดกันจะมีโรงเรียน 1
โรงเรียนซึ่งก็เหมือนกับวัด เพราะสมัยก่อนเด็กจะต้องเดินไปเรียนการมีโรงเรียนในหมู่บ้านจึงถือเป็นเรื่องที่สะดวกสบายสำหรับเด็กๆ
แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปการคมนาคมขนส่ง
ทันสมัยมากขึ้นการเดินทางไปมาหาสู่กันเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ
และประกอบกับค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มมากขึ้นการที่มีโรงเรียนเป็นจำนวนมากทำให้รัฐต้องเสียเงินทั้งในเรื่องของการจ้างบุคลากร
การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หรือการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ๆเพื่อให้ทันกับยุคสมัย
เป็นค่าใช่จ่ายที่มาก
และเมื่อต้องดูแลโรงเรียนจำนวนมากงบประมาณที่เทลงมามากมายมหาศาลก็จริงแต่เมื่อเฉลี่ยๆกับจำนวนโรงเรียนที่มีเป็นจำนวนมากแล้วเงินที่แต่ละโรงเรียนได้รับก็ไม่ได้มากมายอะไรนั้นเอง
ส่วนทางกับจำนวนนักเรียนที่แต่ละโรงเรียนนั้นจะลดลงเพราะเมื่อฐานะของผู้ปกครองดีขึ้น
คนที่มีกำลังหน่อยก็จะทำการส่งลูกหลายไปเรียนโรงเรียนในเมือง
ซึ่งอาจจะเป็นโรงเรียนของรัฐหรือว่าโรงเรียนของเอกชนก็แล้วแต่
ซึ่งโรงเรียนของเอกชนในปัจจุบันนี้ได้มีการทุมงบประมาณเพื่อให้การจัดการศึกษาของพวกเขามีประสิทธิภาพที่สูงมากๆดังนั้นเมื่อผลการเรียนของนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนเอกชนดี
ก็ทำให้ผู้ปกครองนิยมที่จะส่งบุตรหลานไปเรียนถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายจะแพงกว่าการเรียนโรงเรียนของรัฐก็ตามที
การมีโรงเรียนที่มากเกินไปทำให้ครูต้องสอนไม่ตรงรายวิชาที่ตัวเองนั้นได้เรียนมา
ทำให้ประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอนนั้นน้อยลงตามไปด้วย
หากเราสามารถที่จะรวมโรงเรียนต่างเข้ามาไว้ด้วยกันได้
ก็จะทำให้แต่ละโรงเรียนนั้นมีคุณครูที่สอนตรงรายวิชาของตัวเองมากยิ่งขึ้นซึ่งก็จะเกิดผลดีกับทั้งตัวนักเรียนโรงเรียนแล้วก็ประเทศชาติในที่สุด
ความรู้ที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันสำหรับผมแล้วมันคือความสามารถในการใช้เครื่องมือต่างๆในการค้นหาความรู้ที่ตัวเองต้องการได้
อย่างเช่นการใช้งานอินเตอร์เน็ตเพื่อการค้นหาความรู้เป็นต้น
ซึ่งการสอนในโรงเรียนนั้นจะเป็นลักษณะการสอนแบบกว้างๆ
ซึ่งเด็กนักเรียนทุกๆคนจะต้องเรียนเหมือนกันทั้งหมดไม่สามารถเรียนในเรื่องที่ตัวเองสนใจแบบเฉพาะเจาะจงได้นั้นเอง การใช้เครื่องมืออนนไลน์ในการหาความรู้ที่ตัวเองนั้นชอบจริงๆจึงเป็นเรื่องที่ทำให้คนๆนั้นสามารถที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จได้เร็วมากยิ่งขึ้นนั้นเอง
และการที่เราได้ลงมือทำอะไรด้วยตัวเองก็แล้วแต่จะทำให้ความรู้ที่เราได้นั้นติดทนอยู่กับตัวเราไปนานแสนนานเพราะมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเราโดยตรงแต่หากว่าเราไปอ่านหรือดูมาจากที่อื่นๆนั้นคือความรู้มือสองที่เกิดกับคนอื่นเราแค่ไปศึกษาเรื่องราวที่เขาทำเท่านั้นเอง
ซึ่งมันก็มีประโยชน์ในการที่ทำให้เรานั้นไม่ต้องเสียเวลาในการศึกษาเรื่องราวในบางเรื่องที่มันไม่ได้สำคัญอะไรมากมายแค่ต้องรู้เอาไว้ว่าหากทำแบบนี้แล้วจะเกิดอะไรตามมาบ้างเท่านั้นเอง
#s7content